บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2017

การรำไทยพื้นฐานเพื่อสุขภาพและความบันเทิง

รูปภาพ
การรำไทยเพื่อสุขภาพและความบันเทิง         กา รรำไทย คือ ศิลปะนาฏศิลป์ของไทยมีการแสดงที่ประกอบไปด้วย การรำ การฟ้อน ละครรำ ดนตรี การขับร้องที่ประกอบเข้าด้วยกัน  ซึ่งทั้ง 4  สิ่งนี้เป็นอุปนิสัยของคนตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ที่ใช้ในงานรื่นเริงต่างๆ ตามหลักจิตวิทยาของมนุษย์มักจะแสดงออกแทนการความดีใจ หรือการเอาฤกษ์เอาชัยเป็นการละเล่นแบบต่างๆ การรำก็ถือเป็นการละเล่นและพิธีกรรมที่มนุษย์ค้นพบ แต่การรำเป็นวัฒนธรรมที่ชาวไทยทุกคนรู้จักดีที่มีมาช้านาน การรำจะมีลักษณะงดงามอ่อนช้อย การรำไทยมีมาตั้งแต่โบราณ จุดประสงค์ของการรำไทย คือ เพื่อความบันเทิง เพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แจ่มใสและแข็งแรง เพื่อใช้ประกอบในงานและพิธีกรรมต่างๆ การร่ายรำต่างๆมาจากความเชื่อว่าเป็นการถวายอวยพรแก่เทพเจ้าหรือเทวดา ประโยชน์ของการรำไทยจึงมีมากมายหลากหลาย แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงประโยชน์ของการรำไทย เราต้องมารู้จักกับพื้นฐานการรำไทยเพื่อทำให้ทุกๆคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ได้เข้าใจและเข้าถึงการรำไทยมากขึ้นค่ะ  (สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญการรำไทย) พื้นฐานของการรำไทยนั้น มีลักษณะดังนี้ การรำไทย แบ่งเป็น 2 ลั

การรำไทยพื้นฐานเพื่อสุขภาพและความบันเทิง วิธีการทำงาน

รูปภาพ
การรำไทยมรดกของไทยและของโลก ประวัติรำไทยพื้นฐาน ประวัติ ศิลปะการนาฏศิลป์ไทย เป็นละครฟ้อนรำและดนตรีอันมีคุณสมบัติตามคัมภีร์นาฏะหรือนาฏยะ กำหนดว่า ต้องประกอบไปด้วยศิลปะ 3 ประการ คือ การฟ้อนรำ การดนตรี และการขับร้อง รวมเข้าด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ เป็นอุปนิสัยของคนมาแต่ดึกดำบรรพ์ นาฏศิลป์ไทยมีที่มาและเกิดจากสาเหตุแนวคิดต่าง ๆ เช่น เกิดจากความรู้สึกกระทบกระเทือนทางอารมณ์ไม่ว่าจะอารมณ์แห่งสุข หรือความทุกข์ และสะท้อนออกมาเป็นท่าทางแบบธรรมชาติและประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นท่า ทางลีลาการฟ้อนรำ หรือเกิดจากลัทธิความเชื่อใ นการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธ์ เทพเจ้า โดยแสดงความเคารพบูชาด้วยการเต้นรำ ขับร้องฟ้อนรำให้เกิดความพึงพอใจ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บ รรดาผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาทางด้านนาฏศิลป์ไทยได้สันนิษฐานว่า อารยธรรมทางศิลปะด้านนาฎศิลป์ของอินเดียนี้ได้เผยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุทธยาตามประวัติการสร้างเทวาลัยศิวะนาฎราชที่สร้าง ขึ้นในปี พ.ศ. 1800  ซึ่งเป็นระที่ไทยเริ่มก่อตั้งกรุงสุโขทัย  ดังนั้นที่รำไทยที่ดัดแปลงมาจากอินเดียในครั้งแรกจึงเป็นความคิดของนัก ปราชญ์ในสมัยกรุงศรีอ